เชื้อไวรัส rsv สิ้นสุดหน้าฝนย่างเข้าหน้าหนาวนี้ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่อาจจะเกิดปัญหาสำคัญ สำหรับเด็กเล็กที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม กับการโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อ ไวรัส rsv ซึ่งมีลักษณะคล้ายไข้หวัดแต่อาจจะเกิดความรุนแรงได้มากกว่า ถึงขั้นปอดอักเสบและจะทำให้เกิดการเสียชีวิตได้

เชื้อไวรัส rsv ที่ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะเด็กเล็กทำให้เกิดการอักเสบขึ้นได้
โดยโรค rsvนี้ชื่อเต็มๆว่า respiratory syncytia l virus ซึ่งถือได้ว่าเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะเด็กเล็กทำให้เกิดการอักเสบขึ้นได้ โดยมีการสร้างสิ่งคัดหลั่งอย่างเช่นเสมหะออกมาในปริมาณมากและสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งอาจจะมีทางเดินหายใจที่แคบทำให้ไม่สามารถที่จะระบายออกมาได้ ส่งผลให้มีเกิดมีการหอบเหนื่อยและหายใจลำบาก และทำให้ติดเชื้อในปอดได้

ด้วยอาการของการติดเชื้อไวรัส rsv จะมีลักษณะคล้ายไข้หวัดธรรมดา แต่อาจจะมีความแตกต่างและรุนแรงมากกว่าในภาวะการหายใจที่หอบเหนื่อย หายใจเร็วหายใจแรงครืดคาด ตัวเขียวและมีเสมหะมากมีเสียงหวีดในปอด มีอาการไอสำหรับเด็กเล็กที่อ่อนแอมากๆอย่างเด็กที่คลอดก่อนกำหนด เด็กที่เป็นโรคหัวใจ โรคปอดและเป็นโรคหอบหืดอยู่ก่อนแล้วจะมีอาการรุนแรงและทรุดลงอย่างรวดเร็ว อาจจะเกิดอาการหยุดหายใจเป็นช่วง หรืออาจจะหายใจล้มเหลวจนต้องนอนใน ICU และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
โดยระยะการดำเนินโรคอยู่ที่ 5-7 วันขึ้นอยู่กับตัวของเด็กว่าจะมีภูมิต้านทานมากน้อยแค่ไหน ซึ่งไวรัส rsvที่ถือได้ว่าน่ากลัวอย่างมากในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้อีกด้วย จึงเป็นสิ่งที่เหล่าพ่อแม่ไม่ควรละเลย เมื่อมีอาการควรไปพบแพทย์ทันที เมื่อมีอาการไอและจามสำหรับเด็กเล็กควรไปพบแพทย์ทันที เมื่อมีหายใจลำบากไอน้ำมูกไหลซึ่งอาจจะมีลักษณะคล้ายไข้หวัดธรรมดา

แต่เพื่อความไม่นิ่งนอนใจควรจะไปตรวจหาเชื้อตั้งแต่เนิ่นๆในระยะการดำเนินโรคที่อาจจะรุนแรงขึ้นได้ สำหรับเด็กเล็กที่มีภูมิคุ้มกันที่ยังไม่ดีพอเพราะการติดเชื้อไวรัส rsv นี้จะมีอาการบ่งชี้โดยมีเสมหะมากขึ้น จึงจำเป็นจะต้องมีการ suction ออกเพื่อเป็นการระบายเพื่อให้การหายใจ มีความสะดวกมากขึ้น ซึ่งสำหรับเด็กเล็กจะน่ากลัวตรงที่ช่องทางเดินหายใจเล็กและแคบ จะไม่สามารถที่จะสั่งสารคัดหลั่งต่างๆเหล่านี้ออกมาได้ ทำให้เกิดการเพาะเชื้อมากขึ้นอีกด้วย
ซึ่งสำหรับคนที่เคยเป็นไวรัส rsv มาก่อนแล้วด้วยเชื้อไวรัสนี้มีกลุ่มใหญ่ๆคือกลุ่ม a และกลุ่ม b โดยมีความสัมพันธ์กันแต่ไม่ใช่ตัวเชื้อโรคเดียวกัน ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยครั้งแรก ไม่สามารถที่จะป้องกันได้ทั้งหมดแต่ถ้าเกิดเป็นซ้ำอาจจะไม่รุนแรงมากเท่าในครั้งแรก ทางที่ดีควรป้องกันเมื่อมีอาการเจ็บป่วยควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติโดยเฉพาะพ่อแม่ที่มีลูก 2 คน ถ้ามีอาการป่วยควรแยกทันทีเพื่อป้องกันการไอจามแพร่เชื้อโรค ไปยังลูกที่มีอายุน้อยกว่าสำหรับลูกที่เข้าเนอสเซอรี่หรือโรงเรียนควรให้หยุดโรงเรียนซัก 1-2 สัปดาห์จนกว่า จะหายเป็นปกติซึ่งจะเป็นการดีและช่วยกันป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ตามข่าวสารมากมายได้ที่ การดูแลความงาม เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารอีกมากมายของเรา และ เทศกาลกินเจ ที่หลายคนรอคอย ถือว่าเป็นเทศกาลใหญ่ โดยการทานอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์อยู่ในอาหาร